การไพรูเติบพุฒพร้อมทั้งพัฒนาการเด็กวัยเตรียมประถม
มีคำตั้งคำถามรวบกับความก้าวหน้าของเด็กปูนก่อนเข้าไปเรียนหรือว่าวัยเตรียมประถมอายุ 3-5 ปี ซึ่งจะขออนุญาตเล่า โดยสรุปเรื่องดังนี้
ในช่วงคราว 3-4 ปี จะเป็นตอนของชันษาที่เด็กเริ่มทำมีข้อความคิดเพ้อจินตนาและจินตนาการกว้างขวางไกลลิบ จึงติดใจฟังเกร็ด เล่าเรื่องเล่า และคิดเรื่องราวสมมติ และบทบาทสมมติ มีโลกที่เต็มไปเพื่อ เทวดา นางฟ้า แม่มด สิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ เยาวชนจะเกริ่นมีความคือตัวของตัวเอง พึ่งพาตัวเองในภาระกิจ ส่วนตัวประจำวันได้มากขึ้น ไม่ต้องคอยให้พ่อแม่เอาใจช่วยทำอะไรๆ ให้ ขึ้นต้นมีเหตุสนใจเข้ากับเด็กอื่นๆ มากขึ้น จึงเป็นช่องดีที่จะโหมโรงฝากเด็กเข้าไปโรงเรียนอนุบาลได้
การเจริญรุ่งเรืองเติบโตพร้อมด้วยพัฒนาการ
ในช่วงเวลานี้ เด็กจะมีกล้ามเนื้อมากขึ้น ไขมันใต้ผิวหนังแบบเยาวชนทารกจักลดลง แขนขาจะดู ยาวขึ้น ผู้เยาว์จะมีกระแสความสูงเพิ่มสะพรั่งขึ้นเร็วกว่าการเพิ่มขึ้นน้ำหนัก ทำให้ดูรูปร่างบอบบาง แต่ถ้ามี น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ทุกครั้งสำหรับรุ่นก็ไม่ถือว่าผิดปกติ
กรณีสูงจะเพิ่มประมาณ 6-9 เซ็นติเมตรต่อปี
น้ำหนักจะเพิ่มาประมาณ 2-2.5 กิโลกรัมต่อปี
เด็กควรได้รับรับการชั่งความหนักเบาและวัดความนสูงปีละ 2 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว
พัฒนาการ
การไปไหวจะเรื่อยๆแคล่ว และไม่พึงใจอยู่นิ่ง เด็กจักกระโดดขาแข้งเดียว ยืนขาหนึ่งเดียวได้ เดินหนขึ้นลงกระไดได้เอง เตะเด็กบอล และเดินหนหน้าหายหลังได้ฉุยแคล่ว
มือและนิ้วมือ อาจจะทำงานเชื่อมกันได้ดี หยิบจับของเป่าเล็กๆ ได้ ต่อจิ๊กซอว์ ชิ้นใหญ่ๆ พอได้ วาดรูป ระบายขัด และเทน้ำใส่ถ้วยแก้วได้ เล่นเกลาตัวตุ๊กตุ่นได้ วาดรูปสี่เหลี่ยม วงกลม รูปคนประกอบด้วยแขนขา ใช้กันไตรตัดกระดาษได้ อาจเริ่มเขียนจดหมายได้
ความเจริญด้านภาษา เข้าใจภาษาได้ตั้งขึ้น รวมทั้งทำได้พูดเป็นประโยค 4-5 หมอนคนท้อง คำได้ พูดชัดเจน สามารถสื่อความหมายเข้ากับคนอื่นๆ ได้ และสามารถเล่านิทานได้
การพัฒนาสติปัญญา บอกสีนานา ได้ นับรูปเลขบวกตัวเลขได้ เข้าใจเวลารุ่งเช้า สาย เย็น กลางคืน ทำตาม คำสั่ง 3 อย่างได้ในสมัยเดียวกัน เข้าใจข้อคดีบ่งของคำพูดว่าเหมือนหรือต่างกัน
การขยายด้านกลุ่ม และความรู้สึก เมื่ออายุ 3 ปี เด็กจะลดกระแสความเห็นไม้ใกล้ฝั่งตัวลง เริ่มทำเพลงกับเด็กอื่นๆ ได้ ไม่ค่อยติดพ่อแม่แจ และเรียนรู้ว่าเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงจะพบว่าเด็กวัยนี้เริ่มย่านมีพื่อน “คนโปรด” หรือไม่ถูก เพื่อนปราณีใดคนหนึ่งได้ ในขณะเดียวแยกก็เริ่มเล่นขัดขวางอย่าง “ให้ความร่วมมือ” เช่น แบ่งของเล่นกัน รอคอยให้ถึงรอบการเล่นเครื่องใช้ตนเอง ซึ่งบิตุรงค์แม่จะสนับสนุนสอนด้วยกันแนะเอาลูกหาได้ดี เพื่อให้หายการพืดหินแย่ง ของเล่น และศึกษาเล่าเรียนรู้มารยาททางเข้าผู้เข้าคน